ส่งงบการเงินไตรมาส 1 สิ้นสุด 31 มี.ค 2542

18 May 1999
- 11 - พันบาท เงินลงทุนตามวิธีราคาทุน เงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย เงินปันผล 2542 2541 2542 2541 2542 2541 บริษัทร่วม - วิธีส่วนได้เสีย บริษัท ล็อกซเล่ย์ ซีเอสอาร์ อินซูเลชั่น จำกัด - 137,500 - 8,434 - - บริษัท แซ็กซอน (ไทยแลนด์) จำกัด 5,000 5,000 103,470 160,722 - - บริษัท คาสตรอล (ไทยแลนด์) จำกัด 19,600 19,600 372,903 307,808 - - บริษัท ไทยไฟเบอร์ ออฟติค จำกัด 40,000 40,000 - 15,022 - - บริษัท อิริคสัน ไทย เน็ทเวิร์ค จำกัด 5,000 5,000 10,585 17,537 - - บริษัท น้ำหวานลาว จำกัด 25,715 25,715 26,834 44,468 5,340 9,702 บริษัท ล็อกซเล่ย์อลูมิเนียม และวิศวกรรม จำกัด 16,135 16,135 - - - - บริษัท นิวเพจเจอร์ คอร์ปอเรชั่น อเมริกา 98,746 98,746 34,454 32,057 - - บริษัท ไทยเซลลูโลส โปรดักส์ จำกัด 46,800 46,800 - - - - บริษัท เบียร์ลาว จำกัด 129,480 129,480 120,172 175,595 26,670 47,752 บริษัท บี เอช พี สตีลบิลดิ้ง โพรดักส์ (ไทยแลนด์) จำกัด 20,875 20,875 96,927 95,085 - - บริษัท ไทยฟลายอิ้ง เซอร์วิส จำกัด 16,875 16,875 13,651 15,892 - - Houay Ho Power Company Limited 254,234 254,234 376,728 387,462 - - อื่น ๆ 92,807 92,807 23,549 16,455 - - รวม 771,267 908,767 1,179,273 1,276,537 32,010 57,454 รวมทั้งสิ้น 1,919,711 1,922,186 2,307,152 2,175,592 32,010 57,454 บริษัทที่เกี่ยวข้องกันและบริษัทอื่น - ในราคาทุน บริษัท บีเอชพี สตีล (ไทยแลนด์) จำกัด 450,000 450,000 - - บริษัท ไทยเทเลโฟนแอนด์ เทเลคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) 1,753,873 1,753,873 - - บริษัท ภัทรประกันภัย จำกัด 35,621 35,621 - - กองทุนรวมหุ้นบุริมสิทธิ-หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ของบมจ. ธนาคารกสิกรไทย 100,000 - 2,411 - อื่น ๆ 80,159 152,261 150 150 รวม 2,419,653 2,391,755 2,561 150 หัก ค่าเผื่อผลขาดทุน จากการลดมูลค่า ของเงินลงทุนระยะยาว - หลักทรัพย์ จดทะเบียน (1,037,793) ( 124,570) - หลักทรัพย์อื่น ( 20,000) - สุทธิ 1,361,860 2,267,185 - 12 - บริษัทบันทึกเงินลงทุนในบริษัท ล็อกซเล่ย์ ฮิตาชิ เคเบิ้ล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และเงินลงทุนในบริษัท ไทยเทเลโฟนแอนด์เทเลคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ตามวิธีส่วนได้เสีย ต่อมาในปี 2540 และ 2539 บริษัทได้ขายเงินลงทุนของบริษัทดังกล่าวส่วนหนึ่งซึ่งมีผลทำให้อัตราส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทดังกล่าว ไม่ถึงร้อยละ 20 บริษัทจึงเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนจากเดิมไปใช้วิธีบันทึกบัญชีตามราคาทุน โดยถือ เอายอดคงเหลือในบัญชีตามวิธีส่วนได้เสียที่คงเหลืออยู่เป็นราคาทุนของเงินลงทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 และ 2541 ราคาตลาดรวมของเงินลงทุนในบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนมีมูลค่าต่ำกว่าราคาทุนรวมเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,037.8 ล้านบาท และ 124.6 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนปรับปรุงมูลค่าดังกล่าวได้แสดงไว้ในบัญชี "ค่าเผื่อผลขาดทุน ที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการลดลงของมูลค่าเงินลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์จดทะเบียน" ภายใต้ "ขาดทุนสะสม เกินทุน" ในงบดุล 7.เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน งบการเงินรวม บัญชีนี้ประกอบด้วย พันบาท อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงิน วัตถุประสงค์ 2542 2541 2542 2541 เงินให้กู้ยืมระยะสั้น หจก. แอล.บี.แอล อัลกาเมดเต็ด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MOR MOR 238,850 184,850 Multimedia Telephony, Inc. (Philippines) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ PHIBOR+ PHIBOR+ 2.5% 2.5% 94,118 104,131 อื่น ๆ 37,019 116,730 รวมเงินให้กู้ยืมระยะสั้น 369,987 405,711 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ( 10,400) ( - ) เงินให้กู้ยืมระยะสั้น - สุทธิ 359,587 405,711 เงินให้กู้ยืมระยะยาว บริษัท ไทยเทเลโฟน แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MLR+0.5% MLR+0.5% 375,000 375,000 บริษัท ล็อกซคอม บี.วี. จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ 15.00% 15.00% 35,069 39,055 รวมเงินให้กู้ยืมระยะยาว 410,069 414,055 - 13 - งบการเงินเฉพาะบริษัท บัญชีนี้ประกอบด้วย พันบาท อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงิน วัตถุประสงค์ 2542 2541 2542 2541 เงินให้กู้ยืมระยะสั้น หจก. แอล.บี.แอล อัลกาเมดเต็ด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MOR MOR 238,850 184,850 Multimedia Telephony, Inc. (Philippines) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ PHIBOR+ PHIBOR+ 2.5% 2.5% 94,118 104,131 อื่น ๆ 63,554 49,882 รวมเงินลงทุนระยะสั้น 396,522 338,863 หัก ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ( 10,400) ( 15,969) เงินให้กู้ยืมระยะสั้น - สุทธิ 386,122 322,894 เงินให้กู้ยืมระยะยาว บริษัท ไทยเทเลโฟนแอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MLR+0.5% MLR+0.5% 375,000 375,000 อื่น ๆ - 10,400 รวมเงินให้กู้ยืมระยะยาว 375,000 385,400 8.เงินกู้ยืมระยะสั้นและเงินทดรองจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน งบการเงินรวม บัญชีนี้ประกอบด้วย พันบาท อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงิน วัตถุประสงค์ 2542 2541 2542 2541 เงินกู้ยืมระยะสั้น บริษัท เอเชีย แปซิฟิค โพสต์ จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ - 15.75% - 17,352 บริษัท ซีทีดับบลิว เบต้า จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MOR+1% MOR+1% 9,000 - อื่น ๆ - 1,487 เงินทดรอง กิจการร่วมค้า บริษัท ล็อกซเล่ย์ ยูทิลิตี้เซอร์วิส จำกัด และ หจก. ศิริพงษ์ ก่อสร้าง เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ - - 8,133 - อื่น ๆ 3,931 - รวมเงินกู้ยืมระยะสั้นและเงินทดรอง 21,064 18,839 - 14 - 9 หุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินต่างประเทศ ในระหว่างไตรมาสที่สองของปี 2538 บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินต่างประเทศ จำหน่ายในต่างประเทศในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐ อเมริกา (แบ่งเป็น 100,000 หุ้น โดยมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา) หรือเทียบเท่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้คงที่เมื่อครบกำหนดแปลงสภาพ หรือไถ่ถอนเท่ากับ 2,455 ล้านบาท หุ้นกู้นี้มีดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3.5 ต่อปี หลังภาษี เงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 20 เมษายน 2548 อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญของบริษัทในราคาแปลงสภาพหุ้นละ 500 บาท ณ เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ในระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม 2538 ถึงวันที่ 20 มีนาคม 2548 หรือใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดในวันที่ 20 เมษายน 2543 ในราคาบวก ส่วนเพิ่มแล้วรวมเป็นหุ้นละ 1,310 เหรียญสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ต้องเข้าเงื่อนไขและข้อกำหนด บางประการตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน นอกจากนี้ บริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วน หรือทั้งหมดก่อนกำหนดได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2541 จนถึงวันที่ 20 เมษายน 2543 ในราคาบวกส่วนเพิ่มต่าง ๆ กันรวมเป็นหุ้นละ 1,237 หรือ 1,310 เหรียญสหรัฐอเมริกาขึ้นกับ ระยะเวลาที่ไถ่ถอน ทั้งนี้บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดบางประการที่ระบุไว้ใน หนังสือชี้ชวน ในระหว่างไตรมาสที่สองของปี 2539 บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินตราต่าง ประเทศจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มเติมในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 105 ล้าน เหรียญสหรัฐอเมริกา (แบ่งเป็น 105,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐ อเมริกา) หรือเทียบเท่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้คงที่ เมื่อครบกำหนด แปลงสภาพเท่ากับ 2,646 ล้านบาท หุ้นกู้นี้มีดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2.5 ต่อปี หลังภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย โดยจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 4 เมษายน 2544 อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นกู้ สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญของบริษัทในราคาแปลงสภาพหุ้นละ 450 บาท ณ เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ในระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม 2539 ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2544 นอกจากนี้ บริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนหรือทั้งหมดก่อนกำหนดได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2542 จนถึงวันที่ 3 เมษายน 2544 ในราคาบวกส่วนเพิ่มแล้วรวมเป็นหุ้นละ 1,210 เหรียญ สหรัฐอเมริกา ในปี 2543 และ 1,272 เหรียญสหรัฐอเมริกา ในปี 2544 ทั้งนี้บริษัทต้องปฏิบัติ ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน - 15 - เกี่ยวเนื่องกับการออกหุ้นกู้ดังกล่าวข้างต้น ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2538 ผู้ถือหุ้นมีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 400 ล้านบาท (แบ่งเป็น 40 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็น 460 ล้านบาท (แบ่งเป็น 46 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) และต่อมาได้มีมติเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2539 ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 460 ล้านบาท (แบ่งเป็น 46 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็น 520 ล้านบาท (แบ่งเป็น 52 ล้านหุ้น มูลค่า หุ้นละ 10 บาท) โดยให้สำรองหุ้นสามัญจำนวนรวม 12 ล้านหุ้นที่เพิ่มนี้เพื่อรองรับการใช้สิทธิใน การแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญ บริษัทได้จดทะเบียนมติเพิ่มทุนดังกล่าวกับกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2538 และวันที่ 20 มีนาคม 2539 ตามลำดับ เริ่มตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ราคาตลาดของหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยทั่วไปรวมทั้งของบริษัทตกต่ำอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ผู้ถือหุ้นกู้อาจไม่นำหุ้นกู้มาแปลง สภาพตามจำนวนที่ประมาณไว้ทั้งหมด ดังนั้น บริษัทจึงถือเป็นนโยบายที่จะบันทึกตั้งสำรอง ค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับส่วนเพิ่มที่จะต้องจ่ายหากผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดในอัตรา ร้อยละ 80 ของส่วนเพิ่มทั้งหมดที่ต้องจ่ายในกรณีที่ผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด โดยเฉลี่ยตามระยะเวลาที่ให้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 สำรองค่าใช้จ่าย ทางการเงินดังกล่าวมีจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,257.5 ล้านบาท รวมสำรองค่าใช้จ่าย ทางการเงินสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2542 จำนวนประมาณ 89.3 ล้านบาท เนื่องจาก ใกล้ถึงช่วงเวลาของการใช้สิทธิแปลงสภาพก่อนกำหนด ดังนั้น บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษา ทางการเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ของหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าว ในขณะนี้ ขั้นตอนของการปรับโครงสร้างหนี้ได้ดำเนินไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัท และฝ่าย บริหารเชื่อว่าผลการปรับโครงสร้างหนี้นี้จะเป็นผลดีต่อบริษัทในที่สุด ดังนั้น ฝ่ายบริหารเห็นว่า สำรองค่าใช้จ่ายทางการเงินจำนวนดังกล่าวเพียงพอ - 16 - 10.กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการเปลี่ยน ระบบอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผลจากการเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมาเป็นระบบอัตรา แลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การจัดการ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ทำให้บริษัท และบริษัทย่อยมีผลกำไร (ขาดทุน) สุทธิจากการชำระหนี้สินและรับชำระทรัพย์สินที่เป็นเงินตรา ต่างประเทศในระหว่างงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2542 และ 2541 และจากการแปลง ค่าหนี้สินสุทธิที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 และ 2541 โดยการใช้อัตรา แลกเปลี่ยน ณ วันดังกล่าวเป็นกำไร (ขาดทุน) จำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ (207.1) ล้านบาท และ 1,885.9 ล้านบาท สำหรับงบการเงินระหว่างกาลรวมและ (205.7) ล้านบาท และ 1,898.4 ล้านบาท สำหรับงบการเงินระหว่างกาลเฉพาะบริษัท ซึ่งได้แสดงแยกเป็นรายการต่าง หากในงบกำไรขาดทุนสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2542 และ 2541 11.สัญญา ณ วันที่ 31 มีนาคม 2542 และ 2541 ก) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาร่วมค้ากับบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด บริษัท ล็อกซเล่ย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ไอบีเอ็ม เวิลด์เทรด คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อเข้าร่วม ดำเนินการจัดหาระบบเบ็ดเสร็จสำหรับโครงการบันทึกข้อมูลภาษีด้วยคอมพิวเตอร์กับกรม สรรพากรในมูลค่าตามสัญญารวม 1,814 ล้านบาท ซึ่งบริษัทย่อยดังกล่าวรับผิดชอบใน อัตราร้อยละ 44.738 ของผลได้ผลเสียอันเกิดจากกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2541 สัญญาตั้งกิจการร่วมค้าดังกล่าวได้ถูกยกเลิก ในการนี้ ทำให้เกิดผลเสียหายสุทธิกับบริษัทย่อยขึ้นจำนวนเงินประมาณ 37 ล้านบาท ซึ่งบันทึกไว้ เป็นค่าใช้จ่ายในงวดดังกล่าวแล้ว ข) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญากับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) โดยได้รับ สัมปทานการให้บริการวิทยุติดตามตัวภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาภายใต้เงื่อนไข ของสัญญา บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์การสื่อสารให้องค์การ โทรศัพท์แห่งประเทศไทยโดยมีสิทธิใช้อุปกรณ์ดังกล่าวตลอดอายุของสัมปทานและต้องจ่าย ผลประโยชน์ให้กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยในอัตราที่ระบุในสัญญา บริษัทย่อยได้ มอบหนังสือค้ำประกันธนาคารเป็นจำนวนเงิน 141.7 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันแก่ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ส่วนหนึ่งของหนังสือค้ำประกันธนาคารนี้ค้ำประกันโดย เงินฝากประจำจำนวนเงินประมาณ 18.3 ล้านบาท - 17 - ค) บริษัทย่อยสองแห่งมีสัญญาร่วมลงทุนในการให้บริการฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์กับการสื่อสาร แห่งประเทศไทย (กสท.) ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาดังกล่าว บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่ จะต้องลงทุนจัดหา ติดตั้ง และควบคุม ตลอดจนบำรุงรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ตามที่ตกลง ในสัญญา นอกจากนี้บริษัทย่อยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในเครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่ กสท. นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ สัญญานี้มีกำหนดระยะเวลาสิบ (10) ปี เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เปิดบริการโดยบริษัท ย่อยไม่มีสิทธิเลิกสัญญาเว้นแต่จะเข้ากรณีตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ในการนี้บริษัทย่อยมี สิทธิที่จะเรียกเก็บค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ จากผู้ใช้บริการตามที่ระบุไว้ในสัญญา ง) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาร่วมลงทุนในการให้บริการรับ-ส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาว เทียมกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาดังกล่าว บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องลงทุนจัดหา ติดตั้ง และควบคุมตลอดจนบำรุงรักษา เครื่องมือและอุปกรณ์ตามที่ตกลงในสัญญา นอกจากนี้ บริษัทย่อยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ ในเครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่ กสท. นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ สัญญานี้มีกำหนดระยะเวลายี่สิบสอง (22) ปี เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการหรือ ครบกำหนดสิบสอง (12) เดือนนับตั้งแต่วันที่ในสัญญาแล้วแต่วันใดจะเกิดขึ้นก่อน โดย บริษัทย่อยไม่มีสิทธิเลิกสัญญาเว้นแต่จะเข้ากรณีตามที่กำหนดในสัญญา ในการนี้ บริษัทย่อย มีสิทธิที่จะเรียกเก็บค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ จากผู้ใช้บริการตามที่ระบุไว้ในสัญญา จ) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาร่วมค้ากับหน่วยงานราชการของต่างประเทศแห่งหนึ่งเพื่อ วางระบบและให้บริการด้านโทรคมนาคมในพื้นที่ที่ตกลงกัน ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญา ดังกล่าว บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องลงทุนจัดหา ติดตั้ง และควบคุมตลอดจนบำรุง รักษาระบบและอุปกรณ์การโทรคมนาคมดังกล่าวตามที่ตกลงในสัญญา นอกจากนี้ บริษัทจะ ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในระบบและอุปกรณ์โทรคมนาคมดังกล่าวให้กับหน่วยงานราชการที่เป็น คู่สัญญาในวันที่สิ้นสุดระยะเวลาสัมปทาน ฉ) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาให้บริการเป็นศูนย์บริการรับสั่งอาหารกับบริษัทในประเทศ บางแห่ง สัญญาดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลาห้า (5) ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2540 โดยไม่มีสิทธิเลิกสัญญา เว้นแต่จะเข้ากรณีเลิกสัญญาตามที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยบริษัท จะได้รับค่าตอบแทนตามที่ระบุไว้ในสัญญา - 18 - ช) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาในการเป็นตัวแทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลสลากบำรุงการกุศล แบบอัตโนมัติกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาดังกล่าว บริษัท มีภาระผูกพันต่าง ๆ เช่น การจัดหาและติดตั้งเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติ และจะต้อง ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดในสัญญา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมิได้ดำเนินการติดตั้ง อุปกรณ์จำหน่ายสลากดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างดำเนินกระบวนการ ทางอนุญาโตตุลาการเพื่อให้บริษัทย่อยเริ่มดำเนินการตามสัญญาได้ ฝ่ายบริหารของ บริษัทย่อยเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถดำเนินการต่อไปได้จึงไม่ได้บันทึกผลเสียหาย ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น สัญญานี้มีกำหนดระยะเวลาสิบ (10) ปี โดยบริษัทย่อยจะยกเลิกสัญญาได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาเท่านั้น ในระหว่างอายุของสัญญาบริษัทมีสิทธิที่จะได้รับ ส่วนแบ่งจากการจำหน่ายสลากดังกล่าวตามที่ระบุในสัญญา 12.ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า ณ วันที่ 31 มีนาคม ก.บริษัทและบริษัทย่อยบางแห่งมีเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ยังไม่ได้ใช้เป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 335 ล้านบาท (322 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2542 และ 925 ล้านบาท (580 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2541 ข.บริษัทและบริษัทย่อยบางแห่งมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าจากการประกันการประมูล งานกับลูกค้าเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 508 ล้านบาท (222 ล้านบาท เฉพาะ ของบริษัท) ในปี 2542 และ 2,056 ล้านบาท (981 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2541 ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยบางแห่งได้ให้ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันเพื่อค้ำประกัน การประมูลงานดังกล่าว ค.บริษัทมีภาระผูกพันภายใต้สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับธนาคารบางแห่ง เป็นจำนวนเงินรวมเทียบเท่าประมาณ 231 ล้านบาท ในปี 2542 และ 1,151 ล้านบาท ในปี 2541 13.การจัดประเภทบัญชีใหม่ รายการบัญชีบางรายการในงบการเงินระหว่างกาลของปี 2541 ได้จัดประเภทใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการแสดงรายการในงบการเงินระหว่างกาลของปี 2542 - 19 - 14. การแก้ไขปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับปี ค.ศ. 2000 ("ไม่ได้ตรวจสอบและไม่ได้สอบทาน") ในการประมวลผลข้อมูลสำหรับการบริหารและดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทได้ดำเนิน การแก้ไขปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ไขปัญหาปี ค.ศ. 2000 ซึ่งเสร็จสิ้นแล้วในปี 2541 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความเสี่ยงต่อการที่บริษัทอื่นที่บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยจะไม่สามารถ แก้ไขปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ไขปัญหาปี ค.ศ. 2000 ได้ทันกาล อย่างไรก็ดี บริษัท คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะไม่มีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัท