การเงินไตรมาส 3/2542

15 November 1999
อื่น ๆ 113,232 87,371 974 150 รวม 663,232 588,504 8,900 150 หัก ค่าเผื่อการด้อยค่าของ เงินลงทุนทั่วไป ( 20,000) ( 10,000) สุทธิ 643,232 578,504 - 14 - บริษัทบันทึกเงินลงทุนในบริษัท ล็อกซเล่ย์ ฮิตาชิ เคเบิ้ล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และเงินลง ทุนในบริษัท ไทยเทเลโฟนแอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ตามวิธีส่วนได้เสีย ต่อมาในปี 2540 และ 2539 บริษัทได้ขายเงินลงทุนของบริษัทดังกล่าวส่วนหนึ่งซึ่งมีผลทำให้อัตราส่วนการถือ ครองหุ้นในบริษัทดังกล่าวไม่ถึงร้อยละ 20 บริษัทจึงเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนจากเดิมไปใช้วิธีบันทึก บัญชีตามราคาทุน โดยถือเอายอดคงเหลือในบัญชีตามวิธีส่วนได้เสียที่คงเหลืออยู่เป็นราคาทุนของเงินลง ทุน บริษัทบันทึกเงินลงทุนในบริษัท ไทย ฟลายอิ้ง เซอร์วิส จำกัด ตามวิธีส่วนได้เสีย ต่อมา ในปี 2541 ทางบริษัท ไทย ฟลายอิ้ง เซอร์วิส จำกัด ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนโดยทางบริษัทมิได้ใช้สิทธิซื้อ หุ้นเพิ่มทุน ซึ่งมีผลทำให้อัตราส่วนการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวต่ำกว่าร้อยละ 20 บริษัทจึงเปลี่ยนวิธีการ บันทึกเงินลงทุนจากเดิมไปใช้วิธีบันทึกบัญชีตามราคาทุน โดยถือเอายอดคงเหลือในบัญชีตามวิธีส่วนได้ เสียที่คงเหลืออยู่เป็นราคาทุนของเงินลงทุน ณ วันที่ 30 กันยายน 2542 เงินลงทุนในตราสารทุนในความต้องการของตลาดซึ่งถือ เป็นหลักทรัพย์เผื่อขายและจัดประเภทไว้เป็นเงินลงทุนระยะยาวแสดงในราคาตามมูลค่ายุติธรรมซึ่งถือ ตามข้อมูลราคาเสนอซื้อครั้งสุดท้ายจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนต่างระหว่างราคาตามบัญชี กับมูลค่ายุติธรรมของหลักทรัพย์เผื่อขายบันทึกเป็นรายการแยกต่างหากภายใต้ขาดทุนสะสมเกินทุนในงบ ดุลและ ณ วันที่ 30 กันยายน 2542 เงินลงทุนดังกล่าวตีราคาในราคาทุนรวมหรือราคาตลาดรวมที่ต่ำ กว่า ซึ่งมูลค่าราคาตลาดรวมของเงินลงทุนของหลักทรัพย์เผื่อขายมีมูลค่า ต่ำกว่าราคาทุนรวมเป็น จำนวนเงินประมาณ 727 ล้านบาท ส่วนปรับปรุงมูลค่าดังกล่าวได้แสดงไว้ในบัญชี "ส่วนต่ำกว่าทุนจาก การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหลักทรัพย์เผื่อขาย" ภายใต้ "ขาดทุนสะสมเกินทุน" ในงบดุล - 15 - 8. เงินให้กู้ยืมแก่บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน งบการเงินรวม บัญชีนี้ประกอบด้วย พันบาท อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงิน วัตถุประสงค์ 2542 2541 2542 2541 เงินให้กู้ยืมระยะสั้น หจก. แอล.บี.แอล อัลกาเมดเต็ด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MOR MOR 238,850 184,850 Multimedia Telephony, Inc. (Philippines) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ PHIBOR+2.5% PHIBOR+2.5% 93,666 91,537 อื่น ๆ 36,630 25,230 รวมเงินให้กู้ยืมระยะสั้น 369,146 301,617 หัก ค่าเผื่อหนี้ สงสัยจะสูญ ( 10,400) ( - ) เงินให้กู้ยืมระยะสั้น - สุทธิ 358,746 301,617 เงินให้กู้ยืมระยะยาว บริษัท ไทยเทเลโฟน แอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MLR+0.5% MLR+0.5% 375,000 375,000 บริษัท ล็อกซคอม บี.วี. จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ 15.00% - 37,489 - บริษัท ไทยเซลลูโลส โปรดักส์ จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ - MOR+1% - 10,400 รวมเงินให้กู้ยืมระยะยาว 412,489 385,400 หัก ค่าเผื่อหนี้ สงสัยจะสูญ ( - ) ( 10,400) เงินให้กู้ยืม ระยะยาว - สุทธิ 412,489 375,000 - 16 - งบการเงินเฉพาะบริษัท บัญชีนี้ประกอบด้วย พันบาท อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงิน วัตถุประสงค์ 2542 2541 2542 2541 เงินให้กู้ยืมระยะสั้น หจก. แอล.บี.แอล อัลกาเมดเต็ด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MOR MOR 238,850 184,850 Multimedia Telephony, Inc. (Philippines) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ PHIBOR+2.5% PHIBOR+2.5% 93,666 91,537 อื่น ๆ 67,095 42,901 รวมเงินลงทุนระยะสั้น 399,611 319,288 หัก ค่าเผื่อหนี้ สงสัยจะสูญ ( 10,400) ( - ) เงินลงทุนระยะสั้น - สุทธิ 389,211 319,288 เงินให้กู้ยืมระยะยาว บริษัท ไทยเทเลโฟนแอนด์ เทเลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MLR+0.5% MLR+0.5% 375,000 375,000 บริษัท ล็อกซเล่ย์ บรอดคาสท์ แอนด์ มีเดีย จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ - 15.25% - 18,469 บริษัท ไทยเซลลูโลส โปรดักส์ จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ - MOR+ 1% - 10,400 รวมเงินให้กู้ยืมระยะยาว 375,000 403,869 หัก ค่าเผื่อหนี้ สงสัยจะสูญ ( - ) ( 28,869) เงินให้กู้ยืมระยะยาว - สุทธิ 375,000 375,000 - 17 - 9. เงินกู้ยืมระยะสั้นและเงินทดรองจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน งบการเงินรวม บัญชีนี้ประกอบด้วย พันบาท อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงิน วัตถุประสงค์ 2542 2541 2542 2541 เงินกู้ยืมระยะสั้น บริษัท เอเชีย แปซิฟิค โพสต์ จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ - 16.00% - 20,028 บริษัท ซีทีดับบลิว เบต้า จำกัด เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ MOR+1% 15-16.75% 9,000 5,500 เงินทดรอง กิจการร่วมค้า บริษัท ล็อกซเล่ย์ ยูทีลิตี้ เซอร์วิส จำกัด และ หจก. ศิริพงษ์ ก่อสร้าง เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ - - 6,976 16,157 อื่น ๆ 2,452 - รวม 18,428 41,685 10. หุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินต่างประเทศ ในระหว่างไตรมาสที่สองของปี 2538 บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินต่างประเทศ จำหน่ายในต่างประเทศในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (แบ่ง เป็น 100,000 หุ้น โดยมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา) หรือเทียบเท่าเป็นเงิน บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้คงที่เมื่อครบกำหนดแปลงสภาพหรือไถ่ถอนเท่ากับ 2,455 ล้าน บาท หุ้นกู้นี้มีดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3.5 ต่อปี หลังภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยจะครบกำหนดไถ่ ถอนในวันที่ 20 เมษายน 2548 อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญ ของบริษัทในราคาแปลงสภาพหุ้นละ 500 บาท ณ เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ในระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม 2538 ถึงวันที่ 20 มีนาคม 2548 หรือใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดในวันที่ 20 เมษายน 2543 ใน ราคาบวกส่วนเพิ่มแล้วรวมเป็นหุ้นละ 1,310 เหรียญสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ต้องเข้าเงื่อนไขและข้อกำหนด บางประการตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน นอกจากนี้ บริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนหรือทั้ง หมดก่อนกำหนดได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2541 จนถึงวันที่ 20 เมษายน 2543 ในราคาบวกส่วนเพิ่ม ต่าง ๆ กัน รวมเป็นหุ้นละ 1,237 หรือ 1,310 เหรียญสหรัฐอเมริกาขึ้นกับระยะเวลาที่ไถ่ถอน ทั้งนี้ บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดบางประการที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน - 18 - ในระหว่างไตรมาสที่สองของปี 2539 บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินตรา ต่างประเทศจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มเติมในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 105 ล้านเหรียญ สหรัฐอเมริกา (แบ่งเป็น 105,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา) หรือ เทียบเท่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้คงที่ เมื่อครบกำหนดแปลงสภาพเท่ากับ 2,646 ล้านบาท หุ้นกู้นี้มีดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2.5 ต่อปี หลังภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยจะครบกำหนด ไถ่ถอนในวันที่ 4 เมษายน 2544 อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นกู้สามารถ ใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้น สามัญของบริษัทในราคาแปลงสภาพหุ้นละ 450 บาท ณ เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ในระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม 2539 ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2544 นอกจากนี้ บริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนหรือ ทั้งหมดก่อนกำหนดได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2542 จนถึงวันที่ 3 เมษายน 2544 ในราคาบวกส่วนเพิ่ม แล้วรวมเป็นหุ้นละ 1,210 เหรียญสหรัฐอเมริกา ในปี 2543 และ 1,272 เหรียญสหรัฐอเมริกา ในปี 2544 ทั้งนี้บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน เกี่ยวเนื่องกับการออกหุ้นกู้ดังกล่าวข้างต้น ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2538 ผู้ถือหุ้นมีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 400 ล้านบาท (แบ่งเป็น 40 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็น 460 ล้านบาท (แบ่งเป็น 46 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) และต่อ มาได้มีมติเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2539 ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 460 ล้านบาท (แบ่งเป็น 46 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็น 520 ล้านบาท (แบ่งเป็น 52 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) โดยให้สำรองหุ้นสามัญจำนวนรวม 12 ล้านหุ้นที่เพิ่มนี้เพื่อรองรับการใช้สิทธิในการแปลงสภาพหุ้นกู้เป็น หุ้นสามัญ บริษัทได้จดทะเบียนมติเพิ่มทุนดังกล่าวกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2538 และ วันที่ 20 มีนาคม 2539 ตามลำดับ เริ่มตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ราคาตลาดของหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย โดยทั่วไปรวมทั้งของบริษัทตกต่ำอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ผู้ถือหุ้นกู้อาจไม่นำหุ้นกู้มาแปลง สภาพตามจำนวนที่ประมาณไว้ทั้งหมด ดังนั้น บริษัทจึงถือเป็นนโยบายที่จะบันทึกตั้งสำรองค่าใช้จ่ายทาง การเงินสำหรับส่วนเพิ่มที่จะต้องจ่ายหากผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดในอัตรา ร้อยละ 80 ของส่วนเพิ่มทั้งหมดที่ต้องจ่ายในกรณีที่ผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด โดยเฉลี่ยตามระยะ เวลาที่ให้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด ณ วันที่ 30 กันยายน 2542 สำรอง ค่าใช้จ่ายทางการเงินดัง กล่าวมีจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,564.9 ล้านบาท รวมสำรอง ค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับ งวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 กันยายน 2542 จำนวนประมาณ 270.8 ล้านบาท เนื่องจากใกล้ถึง ช่วงเวลาของการใช้สิทธิแปลงสภาพก่อนกำหนด ดังนั้น - 19 - บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ของหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าวใหม่ ในขณะนี้ บริษัทและที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทได้เสนอแผนการ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ต่อกลุ่มตัวแทนของผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2542 แผนการปรับปรุง โครงสร้างหนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรองเงื่อนไขต่าง ๆ ผลที่สุดของการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้าง หนี้ยังไม่สามารถคาดคะเนได้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารเชื่อว่าผลการปรับโครงสร้างหนี้นี้จะ ประสบผลสำเร็จและเป็นไปในทางที่ดีต่อบริษัทในที่สุด เนื่องจากบริษัทได้รับการผ่อนผันการชำระคืนดอก เบี้ยของหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดซึ่งมีจำนวนเงินรวมประมาณ 280.1 ล้านบาท จากผู้ถือหุ้นกู้แล้ว 11. กำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไร (ขาดทุน) สุทธิจากการชำระหนี้สินและรับชำระทรัพย์ สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศในระหว่างงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2542 และ จากการแปลงค่าหนี้สินสุทธิที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ณ วันที่ 30 กันยายน 2542 โดยการใช้ อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันดังกล่าวเป็นขาดทุนจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,095.7 ล้านบาท และ 1,107.3 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับงบการเงินระหว่างกาลรวม และ 1,091.0 ล้านบาท และ 1,107.6 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับงบการเงินระหว่างกาลเฉพาะบริษัท และผลกำไร (ขาดทุน) สุทธิจากการชำระหนี้ สินและรับชำระทรัพย์สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศในระหว่างงวดสามเดือนและ เก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2541 และจากการแปลงค่าหนี้สินสุทธิที่เป็นเงินตรา ต่างประเทศ ณ วันที่ 30 กันยายน 2541 โดยการใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันดังกล่าว เป็นกำไรจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 671.7 ล้านบาท และ 1,688.4 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับงบการเงินระหว่างกาลรวม และ 669.2 ล้านบาท และ 1,683.3 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับงบการเงินระหว่างกาลเฉพาะบริษัท ซึ่งได้แสดงแยกเป็นราย การต่างหากในงบกำไรขาดทุนสำหรับงวด สามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2542 และ 2541 - 20 - 12. สัญญา ณ วันที่ 30 กันยายน 2542 และ 2541 ก) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาร่วมค้ากับบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด บริษัท ล็อกซเล่ย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ไอบีเอ็ม เวิลด์เทรด คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อเข้าร่วม ดำเนินการจัดหาระบบเบ็ดเสร็จสำหรับโครงการบันทึกข้อมูลภาษีด้วยคอมพิวเตอร์กับกรมสรรพากรในมูล ค่าตามสัญญารวม 1,814 ล้านบาท ซึ่งบริษัทย่อยดังกล่าวรับผิดชอบในอัตราร้อยละ 44.738 ของผลได้ ผลเสียอันเกิดจากกิจการร่วมค้า ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2541 สัญญาตั้งกิจการร่วมค้าดังกล่าวได้ถูกยกเลิก ใน การนี้ทำให้เกิดผลเสียหายสุทธิกับบริษัทย่อยขึ้นจำนวนเงินประมาณ 37 ล้านบาท ซึ่งบันทึกไว้เป็นค่าใช้ จ่ายในงวดดังกล่าวแล้ว ข) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญากับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) โดยได้รับ สัมปทานการให้บริการวิทยุติดตามตัวภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา ภายใต้เงื่อนไขของสัญญา บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์การสื่อสารให้องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย โดยมีสิทธิใช้อุปกรณ์ดังกล่าวตลอดอายุของสัมปทานและต้องจ่ายผลประโยชน์ให้กับองค์การโทรศัพท์แห่ง ประเทศไทยปีละ 1 ล้านบาท บริษัทย่อยได้มอบหนังสือค้ำประกันธนาคารเป็นจำนวนเงิน 141.7 ล้าน บาท เพื่อเป็นหลักประกันแก่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ส่วนหนึ่งของหนังสือค้ำประกันธนาคารนี้ ค้ำประกันโดยเงินฝากประจำจำนวนเงินประมาณ 18.7 ล้านบาท ค) บริษัทย่อยสองแห่งมีสัญญาร่วมลงทุนในการให้บริการฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์กับการสื่อ สารแห่งประเทศไทย (กสท.) ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาดังกล่าว บริษัทย่อยมีภาระผูกพัน ที่จะต้อง ลงทุนจัดหา ติดตั้ง และควบคุม ตลอดจนบำรุงรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ตาม ที่ตกลงในสัญญา นอก จากนี้บริษัทย่อยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในเครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่ กสท. นับตั้งแต่วันแรกที่เปิด ให้บริการ สัญญานี้มีกำหนดระยะเวลาสิบ (10) ปี เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เปิดบริการโดย บริษัทย่อยไม่มีสิทธิเลิกสัญญาเว้นแต่จะเข้ากรณีตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ในการนี้บริษัทย่อย มีสิทธิ ที่จะเรียกเก็บค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ จากผู้ใช้บริการตามที่ระบุไว้ในสัญญา - 21 - ง) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาร่วมลงทุนในการให้บริการรับ-ส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่าน ดาวเทียมกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาดังกล่าว บริษัทย่อยมี ภาระผูกพันที่จะต้องลงทุนจัดหา ติดตั้ง และควบคุมตลอดจนบำรุงรักษา เครื่องมือและอุปกรณ์ตามที่ ตกลงในสัญญา นอกจากนี้บริษัทย่อยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในเครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่ กสท. นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ สัญญานี้มีกำหนดระยะเวลายี่สิบสอง (22) ปี เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ หรือครบกำหนดสิบสอง (12) เดือนนับตั้งแต่วันที่ในสัญญาแล้วแต่วันใดจะเกิดขึ้นก่อน โดยบริษัท ย่อยไม่มีสิทธิเลิกสัญญาเว้นแต่จะเข้ากรณีตามที่กำหนดในสัญญา ในการนี้ บริษัทย่อยมีสิทธิที่จะเรียก เก็บค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ จากผู้ใช้บริการตามที่ระบุไว้ในสัญญา จ) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาร่วมค้ากับหน่วยงานราชการของต่างประเทศแห่งหนึ่งเพื่อ วางระบบและให้บริการด้านโทรคมนาคมในพื้นที่ที่ตกลงกัน ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญา ดังกล่าว บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องลงทุนจัดหา ติดตั้ง และควบคุมตลอดจนบำรุงรักษาระบบและอุปกรณ์ การโทรคมนาคมดังกล่าวตามที่ตกลงในสัญญา นอกจากนี้ บริษัท จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในระบบและ อุปกรณ์โทรคมนาคมดังกล่าวให้กับหน่วยงานราชการ ที่เป็นคู่สัญญาในวันที่สิ้นสุดระยะเวลาสัมปทาน ฉ) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาให้บริการเป็นศูนย์บริการรับสั่งอาหารกับบริษัทใน ประเทศบางแห่ง สัญญาดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลาห้า (5) ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2540 โดยไม่ มีสิทธิเลิกสัญญา เว้นแต่จะเข้ากรณีเลิกสัญญาตามที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยบริษัทจะได้รับค่าตอบแทน ตามที่ระบุไว้ในสัญญา ช) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาในการเป็นตัวแทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลสลากบำรุงการ กุศลแบบอัตโนมัติกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาดังกล่าว บริษัทมีภาระ ผูกพันต่าง ๆ เช่น การจัดหาและติดตั้งเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติ และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดในสัญญา อย่างไรก็ตาม บริษัทย่อยยังมิได้เริ่มดำเนิน พาณิชยกิจแต่อย่างใด เนื่องจากมีข้อโต้แย้ง ทางกฎหมายบางประการ ขณะนี้บริษัทย่อย อยู่ในระหว่างการหารือกับที่ปรึกษาทางกฎหมายในเรื่อง ดังกล่าว ผลที่สุดในเรื่องดังกล่าว ยังไม่อาจทราบได้ในขณะนี้ ดังนั้นจึงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความ สามารถในการเริ่มดำเนินพาณิชยกิจ รวมทั้งการได้คืนมาซึ่งเงินลงทุนในบริษัทย่อยดังกล่าว - 22 - 13. ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า ณ วันที่ 30 กันยายน ก. บริษัทและบริษัทย่อยบางแห่งมีเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ยังไม่ได้ใช้เป็นจำนวนเงินรวม ประมาณ 466 ล้านบาท (428 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2542 และ 406 ล้านบาท (192 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2541 ข. บริษัทและบริษัทย่อยบางแห่งมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าจากการประกันการ ประมูลงานกับลูกค้าเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 562 ล้านบาท (305 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2542 และ 699 ล้านบาท (318 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2541 ซึ่งบริษัทและบริษัท ย่อยบางแห่งได้ให้ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันเพื่อค้ำประกันการประมูลงานดังกล่าว ค. บริษัทมีภาระผูกพันภายใต้สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับธนาคารบาง แห่งเป็นจำนวนเงินรวมเทียบเท่าประมาณ 166 ล้านบาท ในปี 2542 และ 335 ล้านบาท ในปี 2541 14. การจัดประเภทบัญชีใหม่ รายการบัญชีบางรายการในงบการเงินระหว่างกาลของปี 2541 ได้จัดประเภทใหม่ เพื่อให้สอดคล้อง กับการแสดงรายการในงบการเงินระหว่างกาลของปี 2542 15. การแก้ไขปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับปี ค.ศ. 2000("ไม่ได้ตรวจสอบและไม่ได้สอบทาน") ในการประมวลผลข้อมูลสำหรับการบริหารและดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทได้ดำเนิน การแก้ไขปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ไขปัญหาปี ค.ศ. 2000 ซึ่งเสร็จสิ้นแล้วในปี 2541 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีความเสี่ยงต่อการที่บริษัทอื่นที่บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยจะไม่สามารถแก้ไข ปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อแก้ไขปัญหาปี ค.ศ. 2000 ได้ทันกาล อย่างไรก็ดี บริษัท คาดว่าผลกระ ทบดังกล่าวจะไม่มีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัท