บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการมานานกว่า 84 ปี เดิมใช้ชื่อ บริษัท ล๊อกสเลย์ ไรซ์ กัมปะนี (กรุงเทพฯ) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2482 ด้วยการร่วมลงทุนระหว่างนายอึ้งยุกหลง ล่ำซำ กับ นายเอ็ม.พี. และนายแอนดรูว์ บิตตี้ (เจ้าของบริษัท ดับเบิ้ลยู. อาร์. ล๊อกสเลย์ ในฮ่องกง) มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจส่งออกสินค้าทางการเกษตร เช่น ข้าว และไม้ เป็นต้น
ต่อมาได้ขยายธุรกิจเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากประเทศอังกฤษมาจำหน่ายในเมืองไทย ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค สินค้าที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2500 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ล๊อกซเล่ย์ (กรุงเทพฯ) จำกัด เพื่อรองรับการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายขึ้น
วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น บริษัท ล็อกซเล่ย์ (กรุงเทพฯ) จำกัด โดยเริ่มจับตลาดสินค้าด้านเทคโนโลยีมากขึ้น รวมถึงสินค้าด้านอุตสาหกรรมและสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งล็อกซเล่ย์สามารถพัฒนาศักยภาพไปสู่การเข้ารับสัมปทานกับภาครัฐ และร่วมลงทุนในโครงการใหญ่ๆ เช่น โรงไฟฟ้า โครงการเคเบิ้ลใต้น้ำ ระบบเก็บเงินทางด่วน เป็นต้น
บริษัทฯ สั่งสมชื่อเสียงที่ดีในการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน ส่งผลให้มีผู้ประกอบการชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศสนใจเข้าร่วมธุรกิจต่างๆ กับบริษัทฯ เสมอมา จนกระทั่งได้แปรสภาพเป็นบริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2536 เป็นต้นมา และได้จดทะเบียนอยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่มพาณิชย์ โดยใช้ชื่อ “LOXLEY” ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2537
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร มุ่งเน้นสร้างความเจริญเติบโตที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าสูงสุดตามหลักการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และรักษาประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้น
ปี พ.ศ. 2482 - พ.ศ. 2499
ล็อกซเล่ย์ เริ่มต้นจากการทำธุรกิจส่งออกข้าว และไม้ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานการกระจายสินค้าไปยังทวีปต่างๆ ได้มากขึ้น อาทิ ทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา และจีน เป็นต้น
ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลาดโลกขาดแคลนสินค้าเกษตร บริษัทฯ จึงได้ขยายการส่งออกสินค้าเกษตรอื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น ครั่ง น้ำมันมะพร้าว เนื้อมะพร้าวตากแห้ง เมล็ดงา และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ได้ขยายธุรกิจเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย โดยสินค้าส่วนใหญ่มาจากอังกฤษ เพราะผู้ร่วมลงทุนในขณะนั้นเป็นชาวอังกฤษ สินค้าหลักๆ ได้แก่ เครื่องยนต์ เครื่องปั๊มน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และเครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อโอลิเวตตี้ ฯลฯ สินค้าเหล่านี้สร้างรายได้เป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ เติบโต และย้ายสำนักงานจากย่านสะพานพุทธไปอยู่ที่อาคารล็อกซเล่ย์ เสือป่า
ปี พ.ศ. 2500 - พ.ศ. 2525
ล็อกซเล่ย์ยังคงดำเนินธุรกิจนำเข้าสินค้าจากอังกฤษ ขณะเดียวกันก็เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากประเทศในแถบเอเชีย เช่น เครื่องยนต์จากญี่ปุ่น แป้งคอสเมติกจากเกาหลี และเริ่มจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเต็มที่ด้วย
ช่วงเวลานี้ บริษัทฯ สั่งสมทักษะและความเชี่ยวชาญในธุรกิจสินค้าไฮเทคมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล็อกซเล่ย์เป็นบริษัทแรกที่นำระบบคอมพิวเตอร์ของ IBM มาใช้ในระบบบัญชีและการเก็บข้อมูลของบริษัทฯ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มตัวในยุคต่อมา
ปี พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2559
ล็อกซเล่ย์ขยายธุรกิจไปทางด้านโครงสร้างสาธารณูปโภค โทรคมนาคม พลังงาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค เริ่มขยายฐานการลงทุนไปยังต่างประเทศ ร่วมประมูลงานโครงการในประเทศต่างๆ ในภูมิภาค และการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคไปจำหน่ายต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเริ่มก้าวเข้าสู่ธุรกิจบริการด้านระบบงานรักษาความปลอดภัยในสนามบินด้วย
ในทศวรรษนี้ ล็อกซเล่ย์ขยายและเติบโตจนกระทั่งเป็นบริษัทฯ ที่ได้ชื่อว่ามีความหลากหลายครอบคลุมทุกด้าน กลายเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญหลายด้าน แต่ในความหลากหลายนั้น มีความเป็นเอกภาพสามารถทำงานร่วมกันได้ ทั้งนี้ มีการจัดแบ่งกลุ่มธุรกิจและกระจายอำนาจให้ผู้บริหารในระดับต่างๆ มีอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการบริหารงานแบบ Conglomerate
ปี พ.ศ. 2560 - ปัจจุบัน
ล็อกซเล่ย์ปรับตัวอีกครั้งตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป มีการปรับโครงสร้างองค์กร จัดกลุ่มธุรกิจใหม่ให้ชัดเจนและคล่องตัวยิ่งขึ้น ปรับเป้าหมายมุ่งเน้นธุรกิจหลักที่มีความเชี่ยวชาญ และมีโอกาสเติบโตในอนาคต เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร โดยผันตัวเองเป็น Holding-Operating Company คือยังคงดำเนินธุรกิจของตนเอง ควบคู่กับการกำกับดูแลบริษัทในเครือ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ล็อกซเล่ย์ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยบุคลากรคุณภาพ วัฒนธรรมองค์กรที่ดี พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจที่มั่นคง ล็อกซเล่ย์ยึดหลักธรรมาภิบาล ประกอบธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมส่งเสริมพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน