การเงินระหว่างกาลไตรมาส1/2541 บมจ.ล็อกซเล่ย์และบริษัทย่อย
15 กรกฎาคม 2541
- 10 -
บริษัทบันทึกเงินลงทุนในบริษัท ล็อกซเล่ย์ ฮิตาชิ เคเบิ้ล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และเงินลงทุน
ในบริษัท ไทยเทเลโฟน แอนด์ เทเลคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ตามวิธีส่วนได้เสีย ต่อมาในปี
2540 และ 2539 บริษัทได้ขายเงินลงทุนของบริษัทดังกล่าวส่วนหนึ่งซึ่งมีผลทำให้อัตราส่วน
การถือครองหุ้นในบริษัทดังกล่าวไม่ถึงร้อยละ 20 บริษัทจึงเปลี่ยนวิธีการบันทึกเงินลงทุนจากเดิม
ไปใช้วิธีบันทึกบัญชีตามราคาทุน โดยถือเอายอดคงเหลือในบัญชีตามวิธีส่วนได้เสียที่คงเหลืออยู่
เป็นราคาทุนของเงินลงทุน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2541 ราคาตลาดรวมของเงินลงทุนในบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกัน
ซึ่งเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนมีมูลค่าต่ำกว่าราคาทุนรวมเป็นจำนวนเงินประมาณ 124.6 ล้านบาท
ส่วนปรับปรุงมูลค่าดังกล่าวได้แสดงไว้ในบัญชี ค่าเผื่อผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการลดลงของ
มูลค่าเงินลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์จดทะเบียน ภายใต้ ส่วนของผู้ถือหุ้น ในงบดุล
6. หุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินต่างประเทศ
ในระหว่างไตรมาสที่สองของปี 2538 บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินต่างประเทศ
จำหน่ายในต่างประเทศในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา
(แบ่งเป็น 100,000 หุ้น โดยมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา) หรือเทียบ
เท่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้คงที่เมื่อครบกำหนดแปลงสภาพหรือไถ่ถอนเท่า
กับ 2,455 ล้านบาท หุ้นกู้นี้มีดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3.5 ต่อปี โดยจะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่
20 เมษายน 2548 อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญของ
บริษัทในราคาแปลงสภาพหุ้นละ 500 บาท ณ เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ในระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม
2538 ถึงวันที่ 20 มีนาคม 2548 หรือใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด ในวันที่ 20 เมษายน
2543 ในราคาบวกส่วนเพิ่มแล้วรวมเป็นหุ้นละ 1,310 เหรียญสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ต้องเข้าเงื่อนไข
และข้อกำหนดบางประการตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนน นอกจากนี้ บริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอน
หุ้นกู้บางส่วนหรือทั้งหมดก่อนกำหนดได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2541 จนถึงวันที่ 20 เมษายน
2543 ในราคาบวกส่วนเพิ่มต่าง ๆ กันรวมเป็นหุ้นละ 1,237 หรือ 1,310 เหรียญสหรัฐอเมริกา
ขึ้นกับระยะเวลาที่ไถ่ถอน ทั้งนี้บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดบางประการที่ระบุไว้ใน
หนังสือชี้ชวน
- 11 -
ในระหว่างไตรมาสที่สองของปี 2539 บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินตราต่าง
ประเทศจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มเติมในราคาตามมูลค่าที่ตราไว้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 105 ล้าน
เหรียญสหรัฐอเมริกา (แบ่งเป็น 105,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐ
อเมริกา) หรือเทียบเท่าเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดไว้คง เมื่อครบกำหนดแปลง
สภาพเท่ากับ 2,646 ล้านบาท หุ้นกู้นี้มีดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2.5 ต่อปี โดยจะครบกำหนดไถ่
ถอนในวันที่ 4 เมษายน 2544 อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้น
สามัญของบริษัทในราคาแปลงสภาพหุ้นละ 450 บาท ณ เวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ในระหว่างวันที่ 4
กรกฎาคม 2539 ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2544 นอกจากนี้ บริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้บาง
ส่วนหรือทั้งหมดก่อนกำหนดได้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2542 จนถึงวันที่ 3 เมษายน 2544 ในราคา
บวกส่วนเพิ่มแล้วรวมเป็นหุ้นละ 1,210 เหรียญสหรัฐอเมริกา ในปี 2543 และ 1,272 เหรียญ
สหรัฐอเมริกา ในปี 2544 ทั้งนี้บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดที่ระบุไว้ในหนังสือ
ชี้ชวน
เกี่ยวเนื่องกับการออกหุ้นกู้ดังกล่าวข้างต้น ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคม
2538 ผู้ถือหุ้นมีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 400 ล้านบาท (แบ่งเป็น 40 ล้าน
หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็น 460 ล้านบาท (แบ่งเป็น 46 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท)และ
ต่อมาได้มีมติเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2539 ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 460 ล้านบาท
(แบ่งเป็น 46 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท) เป็น 520 ล้านบาท (แบ่งเป็น 52 ล้านหุ้น มูลค่า
หุ้นละ 10 บาท) โดยให้สำรองหุ้นสามัญจำนวนรวม 12 ล้านหุ้นที่เพิ่มนี้เพื่อรองรับการใช้สิทธิใน
การแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญ บริษัทได้จดทะเบียนมติเพิ่มทุนดังกล่าวกับกระทรวงพาณิชย์
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2538 และวันที่ 20 มีนาคม 2539 ตามลำดับ
เริ่มตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา ราคาตลาดของหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยทั่วไปรวมทั้งของบริษัทตกต่ำอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ผู้ถือหุ้นกู้อาจไม่นำหุ้นกู้มาแปลง
สภาพตามจำนวนที่ประมาณไว้ทั้งหมด ดังนั้น บริษัทจึงถือเป็นนโยบายที่จะบันทึกตั้งสำรองค่าใช้
จ่ายทางการเงินสำหรับส่วนเพิ่มที่จะต้องจ่ายหากผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดในอัตรา
ร้อยละ 80 ของส่วนเพิ่มทั้งหมดที่ต้องจ่าย ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด
โดยเฉลี่ยตามระยะเวลาที่ให้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด ฝ่ายบริหารเชื่อว่าสำรองจำนวนดังกล่าว
เพียงพอ เนื่องจากราคาตลาดของหุ้นสามัญของบริษัทในปัจจุบันเป็นราคาในช่วงที่ตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทยอยู่ในภาวะตกต่ำผิดปกติและช่วงเวลาของการใช้สิทธิแปลงสภาพก่อนกำหนดที่จะ
มีผลใช้บังคับยังมีเวลาอีกประมาณ 2 ปี สำหรับหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งที่ 1 และ 3 ปี สำหรับหุ้นกู้
แปลงภาพครั้งที่ 2 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2541 สำรองค่าใช้จ่ายทางการเงินดังกล่าวมีจำนวนเงิน
รวมทั้งสิ้นประมาณ 927.7 ล้านบาท
- 12 -
7. กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการเปลี่ยน
ระบบอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ผลจากการเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมาเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยน
แบบลอยตัวภายใต้การจัดการ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ทำให้บริษัทและ
บริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิจากการชำระหนี้สินและรับชำระทรัพย์สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศใน
ระหว่างงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2541 และจากการแปลงค่าหนี้สินสุทธิที่เป็นเงินตรา
ต่างประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2541 โดยการใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันดังกล่าวเป็นจำนวน
รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,776.4 ล้านบาท สำหรับงบการเงินระหว่างกาลรวม และ 1,788.9
ล้านบาท สำหรับงบการเงินระหว่างกาลเฉพาะบริษัทซึ่งได้แสดงแยกเป็นรายการต่างหากใน
งบกำไรขาดทุนสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2541
8. สัญญา
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2541 และ 2540
ก) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาร่วมค้ากับบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด บริษัท ล็อกซเล่ย์
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท ไอบีเอ็ม เวิลด์เทรด คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อเข้าร่วม
ดำเนินการจัดหาระบบเบ็ดเสร็จสำหรับโครงการบันทึกข้อมูลภาษีด้วยคอมพิวเตอร์กับกรม
สรรพากรในมูลค่าตามสัญญารวม 1,814 ล้านบาท ซึ่งบริษัทย่อยดังกล่าวรับผิดชอบใน
อัตราร้อยละ 44.738 ของผลได้ผลเสียอันเกิดจากกิจการร่วมค้า
ข) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญากับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) โดยได้รับ
สัมปทานการให้บริการวิทยุติดตามตัวภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา ภายใต้เงื่อนไข
ของสัญญา บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์การสื่อสารให้องค์การ
โทรศัพท์แห่งประเทศไทยโดยมีสิทธิใช้อุปกรณ์ดังกล่าวตลอดอายุของสัมปทานและต้องจ่าย
ผลประโยชน์ให้กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยปีละ 1 ล้านบาท บริษัทย่อยได้มอบ
หนังสือค้ำประกันธนาคารเป็นจำนวนเงิน 141.1 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันแก่องค์การ
โทรศัพท์แห่งประเทศไทย ส่วนหนึ่งของหนังสือค้ำประกันธนาคารนี้ค้ำประกันโดยเงินฝาก
ประจำจำนวนเงินประมาณ 23.4 ล้านบาท
- 13 -
ค) บริษัทย่อยสองแห่งมีสัญญาร่วมลงทุนในการให้บริการฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์กับการสื่อสาร
แห่งประเทศไทย (กสท.) ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญาดังกล่าว บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่
จะต้องลงทุนจัดหา ติดตั้ง และควบคุม ตลอดจนบำรุงรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ตามที่ตกลง
ในสัญญา นอกจากนี้บริษัทย่อยจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในเครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่
กสท. นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ
สัญญานี้มีกำหนดระยะเวลาสิบ (10) ปี เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เปิดบริการโดยบริษัท
ย่อยไม่มีสิทธิเลิกสัญญาเว้นแต่จะเข้ากรณีตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ในการนี้บริษัทย่อยมี
สิทธิที่จะเรียกเก็บค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ จากผู้ใช้บริการตามที่ระบุไว้ในสัญญา
ง) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาร่วมค้ากับหน่วยงานราชการของต่างประเทศแห่งหนึ่งเพื่อวาง
ระบบและให้บริการด้านโทรคมนาคมในพื้นที่ที่ตกลงกัน ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญา
ดังกล่าว บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องลงทุนจัดหา ติดตั้ง และควบคุมตลอดจนบำรุง
รักษาระบบและอุปกรณ์การโทรคมนาคมดังกล่าวตามที่ตกลงในสัญญา นอกจากนี้ บริษัทจะ
ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในระบบและอุปกรณ์โทรคมนาคมดังกล่าวให้กับหน่วยงานราชการที่เป็นคู่
สัญญาในวันที่สิ้นสุดระยะเวลาสัมปทาน
จ) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาให้บริการเป็นศูนย์บริการรับสั่งอาหารกับบริษัทในประเทศ
บางแห่ง สัญญาดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลาห้า (5) ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2540
โดยไม่มีสิทธิเลิกสัญญา เว้นแต่จะเข้ากรณีเลิกสัญญาตามที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยบริษัท
จะได้รับค่าตอบแทนตามที่ระบุไว้ในสัญญา
ฉ) บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีสัญญาในการเป็นตัวแทนจำหน่ายและจ่ายรางวัลสลากบำรุงการกุศล
แบบอัตโนมัติกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ภายใต้ข้อกำหนดของสัญญา ดังกล่าว
บริษัทมีภาระผูกพันต่างๆ เช่น จะต้องจัดหาและติดตั้งเครื่องจำหน่ายสลากอัตโนมัติ และจะ
ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กำหนดในสัญญา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมิได้ดำเนินการติด
ตั้งอุปกรณ์จำหน่ายสลากดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลได้ชะลอโครงการจัดจำหน่าย
สลากการกุศลแบบอัตโนมัติไว้ชั่วคราวเพื่อสำรวจประชามติของประชาชนที่มีต่อโครงการ
ดังกล่าวและอยู่ในระหว่างการเจรจาต่อรองเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มเติมกับสำนักงานสลากกินแบ่ง
รัฐบาล ฝ่ายบริหารของบริษัทย่อยเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถดำเนินการต่อไปได้จึง
ไม่ได้บันทึกผลเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นหากถูกระงับโครงการไว้ในบัญชี
- 14 -
สัญญานี้มีกำหนดระยะเวลาสิบ (10) ปี โดยบริษัทย่อยจะยกเลิกสัญญาได้
ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาเท่านั้น ในระหว่างอายุของสัญญาบริษัทมีสิทธิที่จะได้รับ
ส่วนแบ่งจากการจำหน่ายสลากดังกล่าวตามที่ระบุในสัญญา
9. ภาระผูกพันและหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า
ณ วันที่ 31 มีนาคม
ก. บริษัทและบริษัทย่อยบางแห่งมีเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ยังไม่ได้ใช้เป็นจำนวนเงินรวมประมาณ
925 ล้านบาท (580 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2541 และ 1,865 ล้านบาท
(1,348 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2540
ข. บริษัทและบริษัทย่อยบางแห่งมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าจากการประกันการประมูล
งานกับลูกค้าเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 2,056 ล้านบาท (981 ล้านบาท เฉพาะของ
บริษัท) ในปี 2541 และ 1,715 ล้านบาท (784 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี 2540
ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยบางแห่งได้ให้ธนาคารออกหนังสือค้ำประกันเพื่อค้ำประกันการ
ประมูลงานดังกล่าว
ค. บริษัทและบริษัทย่อยมีภาระผูกพันภายใต้สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ากับ
ธนาคารบางแห่งเป็นจำนวนเงินรวมเทียบเท่าประมาณ 1,151 ล้านบาท (1,135 ล้านบาท
เฉพาะของบริษัท) ในปี 2541 และ 7 ล้านบาท (7 ล้านบาท เฉพาะของบริษัท) ในปี
2540
ง. บริษัทย่อยแห่งหนึ่งมีหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าจากการค้ำประกันกับธนาคารให้กับ
กิจการร่วมค้าเป็นจำนวนเงินประมาณ 133 ล้านบาท ในปี 2540
10. การจัดประเภทบัญชีใหม่
รายการบัญชีบางรายการในงบการเงินระหว่างกาลของปี 2540 ได้จัดประเภทใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับการแสดงรายการในงบการเงินระหว่างกาลของปี 2541